เด็กแรกเกิด – 6 เดือน


คู่มือดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับลูกน้อยวัย
0-6 เดือน ฉบับสมบูรณ์

รอยยิ้มแรกของลูก สุขภาพดีเริ่มต้นที่ช่องปาก”

 

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอาจสงสัยว่า “ลูกยังไม่มีฟันเลย จำเป็นต้องดูแลช่องปากด้วยหรือ?” คำตอบคือ จำเป็นอย่างยิ่งครับ” การดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อยควรเริ่มต้นตั้งแต่วันแรกหลังคลอด ไม่ใช่แค่เพื่อรอรับฟันซี่แรก แต่เพื่อสร้างรากฐานสุขภาพช่องปากที่ดีไปตลอดชีวิต

คู่มือฉบับนี้จะแนะนำทุกขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลช่องปากเล็กๆ ของลูกได้อย่างมั่นใจและถูกวิธี

ทำไมต้องดูแลช่องปากทารก ทั้งที่ยังไม่มีฟัน?

การดูแลช่องปากทารกแรกเกิดมีความสำคัญหลายประการที่คุณพ่อคุณแม่อาจคาดไม่ถึง:

  1. ขจัดคราบนมและแบคทีเรีย: ในน้ำนม (ทั้งนมแม่และนมผง) มีน้ำตาลแลคโตส ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียในช่องปาก การปล่อยให้คราบนมเกาะอยู่บนเหงือก ลิ้น หรือกระพุ้งแก้มเป็นเวลานาน อาจเป็นบ่อเกิดของเชื้อราและแบคทีเรียสะสมได้
  2. ป้องกันเชื้อราในช่องปาก (Oral Thrush): ทารกมีโอกาสเกิดฝ้าขาวจากเชื้อรา (Candida albicans) ได้ง่าย การทำความสะอาดช่องปากเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงนี้
  3. สร้างความคุ้นเคย: การเริ่มทำความสะอาดช่องปากตั้งแต่เนิ่นๆ จะทำให้ลูกน้อยคุ้นเคยกับการมีสิ่งของเข้ามาในปาก เมื่อถึงเวลาที่ต้องแปรงฟันจริงๆ เขาจะให้ความร่วมมือได้ง่ายขึ้น ไม่ต่อต้าน
  4. นวดเหงือก บรรเทาอาการคันเหงือก: การเช็ดทำความสะอาดเป็นการนวดเหงือกไปในตัว ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและอาจช่วยบรรเทาอาการไม่สบายตัวในช่วงที่ฟันกำลังจะขึ้นได้
  5. เตรียมพร้อมสำหรับฟันซี่แรก: สุขภาพเหงือกที่ดีคือบ้านที่แข็งแรงสำหรับฟันซี่แรกที่จะขึ้นมา การมีเหงือกที่สะอาดจะช่วยให้ฟันขึ้นมาในสภาวะแวดล้อมที่ดี ปราศจากเชื้อโรค

 

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม: ง่ายและปลอดภัย

คุณไม่จำเป็นต้องหาซื้ออุปกรณ์ราคาแพง เพียงแค่ของใช้ใกล้ตัวที่เน้นความสะอาดเป็นพิเศษ:

  • ผ้าสะอาด: ผ้าอ้อมเนื้อนุ่ม, ผ้าก๊อซปลอดเชื้อ (Sterile Gauze) หรือผ้าขนหนูนุ่มๆ ผืนเล็ก
  • น้ำต้มสุกที่ทิ้งไว้จนอุ่นหรือเย็น: ห้ามใช้น้ำร้อนเด็ดขาด ควรเตรียมน้ำสะอาดไว้เสมอ
  • (ทางเลือก) แปรงสีฟันซิลิโคนสำหรับทารก: ชนิดที่สวมนิ้ว (Finger Toothbrush) เหมาะสำหรับใช้เมื่อลูกเริ่มคุ้นเคยมากขึ้น หรือเริ่มมีอาการคันเหงือก

ข้อควรจำ: อุปกรณ์ทุกชิ้นต้องสะอาดที่สุด ล้างมือก่อนและหลังทำความสะอาดช่องปากลูกทุกครั้ง

 

วิธีทำความสะอาดช่องปากทีละขั้นตอน (Step-by-Step)

ความถี่: ควรทำอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง เวลาที่แนะนำคือ หลังมื้อนมในตอนเช้า และก่อนนอน

  1. เตรียมความพร้อม:
    • ล้างมือของคุณพ่อคุณแม่ให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้ง
    • เตรียมผ้าสะอาดและน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว
    • อุ้มลูกน้อยในท่าที่สบาย อาจจะวางบนตัก หันหน้าเข้าหาตัว หรือนอนหนุนบนหมอน
  2. เริ่มทำความสะอาด:
    • พันผ้าสะอาดที่เตรียมไว้รอบนิ้วชี้ของคุณ
    • จุ่มผ้าลงในน้ำต้มสุกที่เย็นแล้ว บีบน้ำออกพอหมาดๆ ไม่ให้แฉะเกินไป
  3. ขั้นตอนการเช็ด (ทำอย่างนุ่มนวลที่สุด):
    • เหงือกบนและล่าง: ใช้นิ้วที่พันผ้า ค่อยๆ เช็ดสันเหงือกด้านบนและด้านล่างเบาๆ เป็นแนวยาว จากซ้ายไปขวา
    • กระพุ้งแก้ม: เช็ดทำความสะอาดบริเวณกระพุ้งแก้มทั้งสองข้าง โดยค่อยๆ วนเป็นวงกลมเบาๆ
    • ลิ้น: กวาดเช็ดจากโคนลิ้นมายังปลายลิ้นอย่างแผ่วเบา (สำคัญมาก: อย่าล้วงลึกเกินไปเพราะอาจทำให้ลูกอาเจียน) เช็ดเพียง 1-2 ครั้งก็เพียงพอเพื่อกำจัดคราบนม
    • เพดานปาก: เช็ดบริเวณเพดานปากเบาๆ
  4. สร้างบรรยากาศที่ดี:
    • พูดคุยกับลูกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ร้องเพลงเบาๆ หรือยิ้มให้ลูกระหว่างทำความสะอาด จะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายและไม่ต่อต้าน
    • หากลูกร้องไห้หรือไม่ยอม ให้หยุดพักก่อนแล้วลองใหม่อีกครั้ง อย่าบังคับเด็ดขาด

ปัญหาสุขภาพช่องปากที่พบบ่อยในทารก 0-6 เดือน

  1. ฝ้าขาวที่ลิ้น (Milk Tongue) vs. เชื้อราในช่องปาก (Oral Thrush)
    • ฝ้าขาวจากคราบนม: จะมีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ สามารถเช็ดออกได้ง่าย พบได้บ่อยหลังมื้อนม และจะหายไปหลังทำความสะอาด
    • ฝ้าขาวจากเชื้อรา: จะมีลักษณะเป็นปื้นหนาสีขาวหรือครีมคล้ายคราบน้ำนม แต่จะเช็ดออกได้ยาก หรือเมื่อเช็ดออกอาจมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย อาจพบได้ที่ลิ้น กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก ลูกอาจมีอาการงอแง ดูดนมได้น้อยลง
    • ควรทำอย่างไร: หากสงสัยว่าเป็นเชื้อรา ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์หรือทันตแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
  2. ตุ่มขาวบนเหงือก (Epstein’s Pearls / Bohn’s Nodules)
    • คุณพ่อคุณแม่อาจตกใจเมื่อเห็นตุ่มสีขาวเล็กๆ คล้ายฟันบนเหงือกของลูก ไม่ต้องกังวลครับ! นี่คือซีสต์ขนาดเล็กที่ไม่เป็นอันตรายและพบบ่อยในทารกแรกเกิด ตุ่มเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปเองภายในไม่กี่สัปดาห์ ไม่จำเป็นต้องทำการรักษาใดๆ
  3. ภาวะลิ้นติด (Tongue-Tie)
    • คือภาวะที่พังผืดใต้ลิ้นสั้นหรือตึงเกินไป ทำให้การเคลื่อนไหวของลิ้นถูกจำกัด อาจส่งผลต่อการดูดนม
    • สัญญาณที่ควรสังเกต: ลูกดูดนมลำบาก, น้ำหนักขึ้นช้า, ทำเสียง “คลิก” เวลาดูดนม, ปลายลิ้นเป็นรูปหัวใจเมื่อร้องไห้หรือพยายามแลบลิ้น
    • ควรทำอย่างไร: หากสงสัย ควรปรึกษากุมารแพทย์หรือทันตแพทย์เด็ก

 

ข้อควรปฏิบัติและข้อห้าม เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีที่สุด

  • ห้าม นำจุกนมหลอกหรือช้อนของลูกไปทดสอบความร้อนด้วยปากของคุณ เพราะเป็นการส่งต่อแบคทีเรียในช่องปากไปสู่ลูก
  • ห้าม ให้ลูกหลับคาขวดนม การปล่อยให้น้ำนมขังอยู่ในปากลูกขณะหลับเป็นสาเหตุหลักของ “โรคฟันผุในขวดนม” ในอนาคต
  • ห้าม เติมน้ำผึ้ง น้ำหวาน หรือสารให้ความหวานใดๆ ลงในนมหรือจุกนมหลอกของลูกโดยเด็ดขาด
  • ควร ทำความสะอาดช่องปากลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างนิสัยที่ดี
  • ควร เตรียมพาลูกไปพบทันตแพทย์ครั้งแรกเมื่อฟันซี่แรกขึ้น หรือไม่เกินอายุ 1 ปี

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สำหรับคุณพ่อคุณแม่

คำถาม 1: ต้องเริ่มทำความสะอาดช่องปากลูกตั้งแต่อายุเท่าไหร่? คำตอบ: เริ่มได้ตั้งแต่วันแรกหลังคลอด หรือภายในสัปดาห์แรกครับ ยิ่งเริ่มเร็วยิ่งดีต่อการสร้างสุขนิสัยที่ดี

คำถาม 2: ถ้าลืมทำความสะอาด 1 วันจะเป็นอะไรไหม? คำตอบ: ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงครับ แต่พยายามทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน หากลืมก็ให้ทำในวันถัดไปตามปกติ ไม่จำเป็นต้องทำชดเชยเพิ่มเป็นสองเท่า

คำถาม 3: ใช้น้ำเปล่าธรรมดาแทนน้ำต้มสุกได้หรือไม่? คำตอบ: เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทารกซึ่งยังมีภูมิต้านทานต่ำ แนะนำให้ใช้น้ำต้มสุกที่ทิ้งไว้ให้เย็นเสมอ เพื่อฆ่าเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนในน้ำประปาครับ

คำถาม 4: ลูกร้องไห้ทุกครั้งที่พยายามเช็ดปาก ควรทำอย่างไร? คำตอบ: เป็นเรื่องปกติครับ ลองเปลี่ยนเวลาทำความสะอาดเป็นตอนที่ลูกอารมณ์ดี ทำให้เป็นเรื่องสนุกโดยการร้องเพลงหรือเล่นด้วย ทำให้เร็วและนุ่มนวลที่สุด หากยังต่อต้านมาก ให้หยุดและลองใหม่วันหลัง อย่าบังคับเด็ดขาด

คำถาม 5: จำเป็นต้องใช้ยาสีฟันสำหรับทารกหรือไม่? คำตอบ: ในวัย 0-6 เดือนซึ่งยังไม่มีฟัน ไม่จำเป็นต้องใช้ยาสีฟันเลยครับ การใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดก็เพียงพอแล้ว

คำถาม 6: การดูแลช่องปากสำหรับเด็กที่ดื่มนมแม่กับนมผงแตกต่างกันหรือไม่? คำตอบ: ไม่แตกต่างกันครับ ทั้งนมแม่และนมผงมีน้ำตาลแลคโตสที่สามารถก่อให้เกิดแบคทีเรียได้ จึงควรทำความสะอาดช่องปากหลังมื้อนมเหมือนกัน

คำถาม 7: เช็ดแล้วมีเลือดออกซึมๆ เล็กน้อยที่เหงือก ควรทำอย่างไร? คำตอบ: อาจเกิดจากการเช็ดแรงเกินไป ครั้งต่อไปให้เช็ดอย่างนุ่มนวลและเบามือยิ่งขึ้น หากยังมีเลือดออกทุกครั้งที่เช็ดเบาๆ แล้ว ควรปรึกษาทันตแพทย์

คำถาม 8: ฟันซี่แรกของลูกจะขึ้นเมื่อไหร่? คำตอบ: โดยเฉลี่ยฟันซี่แรก (มักจะเป็นฟันหน้าล่าง) จะเริ่มขึ้นเมื่ออายุประมาณ 6-10 เดือน แต่อาจเร็วหรือช้ากว่านี้ได้ในเด็กแต่ละคน

คำถาม 9: จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเริ่มมีอาการคันเหงือกเพราะฟันจะขึ้น? คำตอบ: สังเกตจากอาการน้ำลายไหลเยอะผิดปกติ, ชอบกัดหรืออมนิ้วมือและสิ่งของต่างๆ, หงุดหงิดงอแงมากกว่าปกติ, เหงือกอาจดูบวมแดงเล็กน้อย

คำถาม 10: ใช้แปรงซิลิโคนแบบสวมนิ้วได้หรือไม่? คำตอบ: ใช้ได้ครับ เหมาะสำหรับนวดเหงือกและทำความสะอาด แต่ต้องมั่นใจว่าซิลิโคนนุ่มและสะอาด ปลอดภัยสำหรับทารก

คำถาม 11: ต้องทำความสะอาดจุกนมหลอกอย่างไร? คำตอบ: ควรล้างทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้ และนำไปนึ่งหรือต้มเพื่อฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำทุกวัน ไม่ควรเลียจุกนมหลอกแล้วให้ลูกดูดต่อ

คำถาม 12: คราบนมบนลิ้นที่เช็ดไม่ออกอันตรายแค่ไหน? คำตอบ: หากเป็นเชื้อรา (Oral Thrush) ควรได้รับการรักษา เพราะอาจทำให้ลูกเจ็บและดูดนมได้ไม่ดี และเชื้อราอาจลามไปที่อื่นได้ ควรรีบพบแพทย์ครับ

คำถาม 13: สามารถใช้สำลีแทนผ้าก๊อซได้ไหม? คำตอบ: ไม่แนะนำครับ เพราะเส้นใยสำลีอาจหลุดลุ่ยและติดค้างในช่องปากลูกได้ง่าย ผ้าก๊อซหรือผ้าสะอาดที่ไม่มีขุยจะปลอดภัยกว่า

คำถาม 14: ควรพาลูกไปหาหมอฟันครั้งแรกเมื่อไหร่? คำตอบ: สมาคมทันตแพทย์เด็กแนะนำให้พบครั้งแรก “เมื่อฟันซี่แรกขึ้น หรืออย่างช้าที่สุดไม่เกินวันเกิดครบ 1 ขวบ” ครับ

คำถาม 15: การดูดนิ้วของลูกมีผลต่อสุขภาพช่องปากหรือไม่? คำตอบ: ในวัยทารก การดูดนิ้วเป็นการปลอบประโลมตัวเองตามธรรมชาติ ยังไม่มีผลเสียร้ายแรง แต่ควรจับตาดูและปรึกษาทันตแพทย์หากลูกยังติดดูดนิ้วอย่างหนักเมื่อฟันแท้เริ่มขึ้น (หลัง 6 ขวบ)

คำถาม 16: ถ้าผู้ปกครองมีฟันผุ จะส่งผลถึงลูกหรือไม่? คำตอบ: มีผลครับ เชื้อโรคฟันผุสามารถส่งต่อจากพ่อแม่สู่ลูกได้ผ่านทางน้ำลาย เช่น การใช้ช้อนร่วมกัน การเป่าอาหารให้ลูก หรือการหอมปาก ดังนั้นผู้ปกครองควรดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองให้ดีที่สุด

คำถาม 17: ทำไมต้องเช็ดลิ้นด้วย? คำตอบ: ลิ้นเป็นแหล่งสะสมของคราบนมและแบคทีเรียที่ใหญ่ที่สุดในช่องปาก การเช็ดลิ้นช่วยลดกลิ่นปากและลดความเสี่ยงการเกิดเชื้อราได้เป็นอย่างดี

คำถาม 18: ต้องทำความสะอาดนานแค่ไหนในแต่ละครั้ง? คำตอบ: ใช้เวลาไม่นานครับ เพียง 1-2 นาทีก็เพียงพอ เน้นความสม่ำเสมอมากกว่าระยะเวลา

คำถาม 19: การให้นมลูกตอนกลางคืนต้องปลุกมาเช็ดปากทุกครั้งหรือไม่? คำตอบ: ไม่จำเป็นต้องปลุกครับ เพราะจะรบกวนการนอนของลูก แต่ให้เน้นทำความสะอาดอย่างดีเยี่ยมก่อนนอน และหลังมื้อเช้า การไม่ให้ลูกหลับคาขวดนมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

คำถาม 20: หลัง 6 เดือนไปแล้ว ต้องดูแลช่องปากอย่างไรต่อ? คำตอบ: เมื่อฟันซี่แรกขึ้น คุณพ่อคุณแม่ต้องเริ่มใช้ “แปรงสีฟันสำหรับทารก” ที่มีขนแปรงนุ่มพิเศษ ร่วมกับ “ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์” ในปริมาณแค่ “แตะพอชื้น” หรือเท่า “เมล็ดข้าวสาร” ครับ ซึ่งจะเป็นการดูแลในขั้นต่อไป

 

การลงทุนเวลาเพียงเล็กน้อยในแต่ละวันเพื่อดูแลช่องปากของลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิด คือของขวัญล้ำค่าที่คุณจะมอบให้กับสุขภาพรอยยิ้มของเขาไปตลอดชีวิต ขอให้คุณพ่อคุณแม่มีความสุขกับการดูแลลูกน้อยนะครับ

ด้วยความปรารถนาดีจาก คลินิกทันตกรรมในเครือ สกายเทรนเด็นทัลกรุ๊ป